วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2551

ประวัติส่วนตัว













ชื่อ นางสาว อมรทิพย์ ขำงิ้ว
ชื่อเล่น ปูเป้
เกิดวันที่ 11 มิถุนายน 2531
รหัสนักศึกษา 49132792033
สาขาวิชา บริหารธุรกิจ
โปรแกรมวิชา การบริหารธุรกิจ (คอมพิวเตอร์ธุรกิจ)
คณะ วิทยาการจัดการ
สถานศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสานดุสิต
เกรดเฉลี่ยสะสม 2.75
ที่อยู่ 38/1 หมู่ 11 ตำบลบ้านใหม่ อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี 11140
คติประจำใจ ทำวันนี้ให้ดีกว่าวันที่ผ่านมา
นิสัย ร่าเริง , พูดมาก , อัธยาศัยดีเข้ากับทุกคนง่ายทุกคน ,โกรธง่ายหายเร็ว
วิชาที่ชอบ วิชาคอมพิวเตอร์ เพราะจะได้ค้นพบสิ่งใหม่ๆ
วิชาที่ไม่ชอบ วิชาที่เกี่ยวกับการคำนวณต่าง ๆ คิดว่ามันยุ่งยาก ปวดหัวแต่บางทีก็ชอบคิดว่ามันสนุกดี

วิชาเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพบริหารธุรกิจ

วิชาเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพบริหารธุรกิจ นั้นเป็นวิชาที่เป็นการฝึกระเบียบ วินัย การแต่งกายให้กับนักศึกษาที่เรียนวิชานี้ทุกคนให้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อที่จะเตรียมตัวออกไปทำงานในอนาคต
วันแรกที่ได้เรียนวิชาเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพบริหาร นั้นก็มีการแนะนำอาจารย์ที่ปรึกษาให้ นักเรียนชั้นปีที่3 ทราบและมีการพบกับพี่ๆ ปี4 วันแรกที่ได้เรียนคงคิดว่าไม่มีอะไรมาก แต่มาถึงตอนแนะนำอาจารย์ที่ปรึกษาประจำแต่ละห้องให้ทราบ พอมาถึงห้องเรียน A1 บอกว่าอาจารย์ที่ปรึกษา คือ อาจารย์ปรมัตถ์ปัญปรัชญ์

ต้องประสงค์ ทุกคนต่างพากันฮือฮากันใหญ่ แต่ตัวเราเองก็ไม่ทราบว่าเขาเป็นอะไรกัน แต่พอมารู้มาจากพี่ๆปี4ที่พอจะเล่าให้ฟังและคนอื่นที่พูดกันก็จึงรู้ว่าเป็นยังไง แต่เห็นหน้าอาจารย์ก็คิดว่าเขาคงจะดุแน่นอน แต่พอมาเรียนกับอาจารย์จริงๆก็ไม่มีอะไรมาก อย่าที่คิดเอาไว้ ถ้าเราทำถูกระเบียบแต่งกายเรียบร้อยก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง และในวันนั้นก็ได้มีการตรวจเครื่องแต่งกายของนักศึกษาทุกคนที่มาเรียนในวันนั้น การแต่งกายของผู้หญิง เสื้อต้องใส่ไม่ฟิต ถูกระเบียบหรือเสื้อแถบของมหาลัยนั้นเอง กระโปรงต้องเป็นกระโปรงเอวสูง ยาวคลุมเข่า รองเท้าต้องเป็นรองเท้าสีดำ ไม่มีลวดลาย เข็มขัดสีดำ การแต่งกายต้องให้เรียบร้อยถูกระเบียบ และการเรียนในครั้งต่อมาก็มาเรียนที่ตั้งฮั่วเส็ง ก่อนการเข้าเรียนทุกครั้งต้องมีการเข้าแถวตามตอนเรียน และมีการยืนเรียงตามเลขที่ เพื่อความเป็นระเบียบที่จะสะดวกในการเดินเข้าไปนั่ง ในแต่ละครั้งที่มีเรียนวิชาเตรียมฝึกก็ต้องมีการตรวจเครื่องแต่งกายของนักศึกษาทุกคนที่มาเรียน และผู้หญิงต้องมัดผมให้เรียบร้อยก่อนเข้าเรียนทุกครั้ง ในวันแรกที่มาเรียนที่ตั้งฮั่วเส็ง ก็มีการปฐมนิเทศนักศึกษา มีการรับขวัญและผูกข้อมือของนักศึกษาที่มาเรียน ในการเรียนแต่ละครั้งต้องมีการเช็คชื่อทุกครั้ง แต่ละครั้งที่เรียนจะมีอาจารย์ขึ้นมาพูดเรื่องต่างๆ อาทิ เรื่องของการพัฒนาบุคลิกภาพ ก็จะทำให้เรารู้ว่าเราควรปรับเปลี่ยนหรือพัฒนาบุคลิกภาพของเราด้านไหน อย่างไร, การเล่าถึงประวัติความเป็นมาของมหาวิทยาลัยก็จะทำให้เราทราบมากขึ้นว่ามหาวิทยาลัยของเรานั้นสร้างขึ้นมาเมื่อไร และก่อนที่จะมาเรียกกันว่ามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตนั้น มีชื่อเรียกก่อนหน้านี้ว่าอย่างไร และได้ทราบว่าตรงไหนคืออะไร เรียกว่าอะไร มีความเป็นมาอย่างไร การเรียนในวันนี้สร้างความสนุกให้แก่นักศึกษาทุกคนเพราะว่าอาจารย์ที่มาพูดนั้นเป็นคนตลกพูดฮาๆ ก็ชอบดีเพราะจะทำให้นักศึกษาที่มาเรียนก็จะได้ไม่เครียด ,เรื่อง BLOG ก็จะให้รู้ว่าBLOG นั้นมีประโยชน์อย่างไร และวิธีการสร้างนั้นทำอย่างไร และสัปดาห์ต่อๆมาก็เป็นกิจกรรมของแต่ละแขนงหมุนเวียนกันไปแต่ละสัปดาห์ อาทิเช่น แขนงการเงินและการธนาคารก็จะเชิญวิทยากรมาพูด ถึงวิธีการออมว่าควรออมอย่างไร ,แขนงทรัพยากรมนุษย์ก็มีการจัดบูธต่างๆให้นักศึกษาได้เดินดูกัน , แขนงคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ก็จะมีการนำเสนอเกี่ยวกับโครงการของแต่ละกลุ่มที่ได้ไปทำมา และมีการจัดบูธต่างๆให้ชมกันภายในงานและชื่อโครงการของเรามีชื่อว่า แนะนำการใช้โปรแกรมฝึกทักษะคณิตศาสตร์ในระดับประถมต้น สู่เด็กผู้ด้อยโอกาสในชุมชน โพธินิมิต เขตธนบุรี กทม. ชื่อโครงการอาจจะยาวไปหน่อย แต่วันที่ได้ไปสอนน้องๆนั้น น้องๆทุกคนให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี น้องๆทุกคนต่างดีใจมากที่ได้เล่นคอมพิวเตอร์ แต่โชคดีที่กลุ่มของข้าพเจ้าได้ขึ้นไปนำเสนอบนเวทีเพราะเป็นโครงการที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ ทุกคนในกลุ่มต่างพากันดีใจที่โครงการของเราในถูกคัดเลือกขึ้นนำเสนอบนเวที แต่พอเห็นภาพโครงการที่เราไปทำมาและอาจารย์ก็ชมว่าพวกเราทำกันดี ก็ทำให้พวกเราหายเหนื่อยที่เห็นโครงการของเราออกมาสมบูรณ์ เพราะพวกเราในกลุ่มต่างพากันทำอย่างเต็มที่
ารที่ได้เรียนวิชาเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพบริหาร นั้นไม่ใช่เพียงแต่จะให้ความรู้เราอย่างเดียวแต่ยังทำให้เรารู้จักสิ่งต่างๆมากมายที่เราสามารถจะนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน นับว่าโชคดีเพราะทำให้เรามีการปรับเปลี่ยนอะไรหลายๆอย่าง ทำให้เรามีระเบียบวินัยมากขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น มีการฝึกให้เราเป็นคนตรงต่อเวลา การแต่งกายต้องเรียบร้อย เพื่อที่จะเตรียมตัวไปทำงานในอนาคตก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ได้เราเรียนวิชานี้

วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2551

อาหารที่เหมาะกับกรุ๊ปเลือด

กรุ๊ปเลือดโอ : จัดเป็นพวกโปรตีน (High Protein Diet)
ลักษณะเด่นของเลือดกรุ๊ปโอคือ น้ำย่อยในระบบย่อยอาหารมีความเป็นกรดสูง ซึ่งเหมาะกับอาหารประเภทเนื้อแดงหลายชนิด ผักและผลไม้ส่วนใหญ่มีประโยชน์กับกรุ๊ปเลือดโอ แต่นมวัว และชีสแทบทุกชนิดจะย่อยยากสำหรับคนเลือดกรุ๊ปโอ ที่สำคัญที่สุดคือ การหลีกเลี่ยงจนถึงการงดการรับประทานแป้งสาลี เพราะเลคตินในแป้งสาลีจะทำปฏิกิริยาที่เป็นผลเสียเลือดและรบกวนระบบเผาผลาญของร่างกาย สิ่งที่ควรเน้นเพิ่มคือ ปลาและอาหารทะเล ทั้งนี้เพื่อเพิ่มแคลเซียมซึ่งร่างกายจะไม่ได้รับจากนมวัว และเพิ่มไอโอดีนเพื่อประโยชน์ของฮอร์โมนไทรอยด์ซึ่งมักจะไม่คงที่
อาหารที่ควรรับประทาน
- เนื้อสัตว์โดยเฉพาะเนื้อแดง ยกเว้นเนื้อหมู เนื่องจากกระเพาะของคนกรุ๊ปเลือดโอมีความเป็นกรดสูงย่อยอาหารได้เร็วและดูดซึมได้ดีมาก
- อาหารทะเล ควรรับประทานเป็นประจำ จะช่วยป้องกันโรคเลือดไม่แข็งตัวและไทรอยด์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ง่ายในคนกรุ๊ปเลือดโอ
- ผักผลไม้ที่ดี ได้แก่ บร็อคโคลี่ สปินิช คะน้า สับปะรด พลับ พรุน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญอาหาร
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
- อาหารทุกชนิดที่ทำจากแป้งสาลี เพราะจะมีปฏิกิริยาต่อระบบย่อยและระบบเลือด ทำให้น้ำหนักเพิ่มและเสี่ยงต่อโรคข้อเสื่อม
- ผักจากพวกกะหล่ำ ที่จะมีผลต่อระบบไทรอยด์ เห็ดหอม มะเขือยาว มันฝรั่งและข้าวโพดไม่ดีต่อกรุ๊ปเลือด - เครื่องดื่มประเภท ชา กาแฟและเบียร์ ซึ่งจะเพิ่มกรดในกระเพราะอาหารที่มีมากอยู่แล้ว

กรุ๊ปเลือดเอ : จัดเป็นพวกมังสวิรัติ (Vegetarian Diet)
คนกรุ๊ปเลือดเอมีน้าย่อยในกระเพาะอาหารมีความเป็นกรดต่ำ ทำให้ไม่เหมาะกับอาหารประเภทเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อแดง เพราะจะย่อยได้ยาก และเป็นเหตุให้เกิดสารท็อกซินขึ้นในร่างกาย ควรหันมารับประทานเนื้อสัตว์ประเภทเนื้อปลาและเนื้อไก่แทน แต่ควรเลี่ยงปลาเนื้อขาว เช่น ปลาตาเดียวและประจาระเม็ดเพราะมี เลคตินที่รบกวนระบบย่อยของกรุ๊ป A ที่น่าจะระวังเป็นพิเศษ คือ อาหารสำเร็จรูปประเภทไส้กรอกหรือแฮมเพราะมีสารประกอบไนเตรทอยู่มาก สามารถกระตุ้นการเกิดมะเร็งในกระเพาะอาหารซึ่งมีกรดในกระเพาะอาหารต่ำ รวมทั้งเพิ่มการรับประทาน วิตามินซี ซึ่งมีส่วนช่วยในการทำงานที่ดีของระบบภูมิคุ้มกันและยังช่วยลดปัญหาเรื่องของกรดในกระเพาะอาหารต่ำอีกด้วย
อาหารที่ควรรับประทาน - ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ถั่วลิสงจะดีมาก เพราะมีเลคตินที่ต่อต้านมะเร็ง
- ผักผลไม้ที่ดี ได้แก่ หอมใหญ่และบร๊อคโคลี่ มีสารแอนตี้อ็อกซิเด้นท์สูง แครอท ฟักทอง ผักโขมและกระเทียม ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน สับปะรด ส้มโอและมะนาวมีกรดที่ช่วยย่อยและเพิ่มการทำงานของ ลำไส้เล็ก
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
- อาหารประเภทเนื้อสัตว์ เพราะจะทำให้ย่อยยากและเกิดการสะสมของไขมัน อาจทำให้เป็นโรคหัวใจและมะเร็ง ควรหันมารับประทานเนื้อไก่และเนื้อปลาแทน
- ผลิตภัณฑ์นมวัว และเนย ซึ่งจะชะลอระบบเผาผลาญอาหารและเกิดเสมหะเพิ่มขึ้น
- อาหารประเภทดองและอาหารสำเร็จรูป เช่น ไส้กรอกและแฮม เพราะมีไนไตรท์ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นการเกิดมะเร็งในกระเพาะอาหารได้ง่ายสำหรับคนกรุ๊ปเลือดเอที่มีกรดในกระเพาะอาหารต่ำ
- ผักผลไม้ ได้แก่ มะเขือเทศ ส้ม แตงโม แคนตาลูป เพราะจะทำให้ย่อยยาก
- เครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมและเบียร์

กรุ๊ปเลือดบี : จัดเป็นพวกผสมผสาน (B–BALANCE)
ลักษณะเด่นคือ คนกรุ๊ปเลือดบีเป็นกรุ๊ปเดียวที่สามารถรับประทานอาหารประเภท นมวัว เนย และไข่ได้ตามปกติ ยกเว้น เนยแข็งรสเข้มเพราะจะย่อยยาก นอกจากนั้นยังรับประทานเนื้อสัตว์ได้หลากหลายในขณะที่เรื่องของพืชผัก ผลไม้นั้นรับประทานได้หลายชนิด โดนเฉพาะผักใบเขียว ถึงแม้คนกรุ๊ปบีจะมีระบบย่อยที่ค่อนข้างสมดุลที่สุดแต่ยังคงต้องระวังเป็นพิเศษกับเนื้อไก่ ซึ่งมีเลคติกที่รบกวนระบบเลือดอย่างมาก สามารนำไปสู่อาการเส้นเลือดแตกในสมอง และภูมิคุ้มกันบกพร่องได้ คนกรุ๊ปบีควรเปลี่ยนไปใช้ไก่งวงแทนเนื้อไก่จะเป็นทางเลือกที่ดีมาก และอีกประการหนึ่งคือ ควรงดหอยเชลล์ ปลาแซลมอนชนิดรมควัน กุ้ง ปู และหอยแครง ซึงเป็นอาหารที่ยังอยู่ในข่ายต้องสงสัยเช่นกัน
อาหารที่ควรรับประทาน
- อาหารจำพวกนมเนยไข่ ให้ประโยชน์อย่างมากต่อกรุ๊ปเลือดบี
- เนื้อแกะ ไก่งวงและกระต่าย และปลาน้ำลึก เช่น ปลาหิมะ ปลาจาระเม็ด
- ผัก ผลไม้ให้ผลดีเกือบทุกชนิด ควรรับประทานมากผักมากๆ เพื่อป้องกันโรคที่มาจากเชื้อไวรัสและภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นง่ายในคนกรุ๊ปเลือดบี
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
- เนื้อหมู และเนื้อไก่ ซึ่งจะรบกวนระบบเลือดที่อาจจะนำไปสู่อาการทางสมองและโรคข้อเสื่อม
- ถัวต่างๆ ไม่ดีต่อคนกรุ๊ปเลือดบี โดยเฉพาะถั่วลิสงและงา ซึ่งจะรบกวนระบบอินซูลิน ที่จะทำให้เกิดการลดน้ำตาลในเลือดเฉียบพลัน
- อาหารทุกชนิดที่ทำจากแป้งสาลี ข้าวโพด ซึ่งมีผลต่อระบบเผาผลาญอาหารและจะทำให้น้ำหนักเพิ่ม ควรรับประทานข้าวเจ้าและเบเกอรี่ที่ทำจากแป้งสเปลท์แทน
- ผัก ผลไม้ ที่ต้องหลีกเลี่ยงอย่างเคร่งครัด ได้แก่ มะเขือเทศ ข้าวโพด มีมีผลต่อกระเพาะอาหารและระบบการย่อยอาหารและการลดน้ำตาลในเลือดเฉียบพลัน

คนกรุ๊ปเลือดเอบี : จัดเป็นพวกลูกผสมของกรุ๊ปเอและบี คนกรุ๊ปเลือดเอบีนั้น
มีลักษณะการรับประทานอาหารให้เหมาะสมค่อนข้างซับซ้อน เพราะเป็นส่วนผสมของลักษณะเลือดจากกรุ๊ปเอและกรุ๊ปบี ซึ่งนั่นหมายถึงอาหารที่ส่งผลดีต่อร่างกายของคนเลือดกรุ๊ปเอและอาหารที่ส่งผลดีต่อร่างกายคนเลือดกรุ๊ปบี ก็จะส่งผลดีต่อร่างกายคนเลือดกรุ๊ปเอบีด้วย แหล่งโปรตีนที่เหมาะสมได้แก่ อาหารทะเล (ยกเว้นปลาเนื้อขาวแลแซลมอนรมควัน) เต้าหู้ เนื้อแดง บางชนิด เช่น เนื้อแกะ และกระต่าย แต่ควรรับประทานในปริมาณที่ไม่มากนักในแต่ครั้งครั้ง จึงจะย่อยได้ดี ที่สำคัญ คือ ควรรับประทานผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ซึ่งจะส่งผลดีต่อร่างกายในแง่ป้องกันมะเร็ง คนกรุ๊ปเอบีควรหลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูปประเภทไส้กรอกและแฮมซึ่งมีสารประกอบไนเตรต์เช่นเดียวกับคนกรุ๊ปเลือดเอ
อาหารที่ควรรับประทาน
- ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองและเต้าหู้ และอาหารจำพวกนมเนยไข่ แต่ทานได้ไม่มากนัก
- อาหารทะเล เนื้อแกะ กวาง กระต่าย และไก่งวงในปริมาณน้อยๆ ในแต่ละครั้ง เพราะร่างกายผลิตน้ำย่อยไม่เพียงพอในการย่อยโปรตีนที่มากเกินไป
- ผักสด มีประโยชน์มากๆ เพราะเป็นอาหารสำคัญที่สามารถป้องกันมะเร็งและโรคหัวใจ ซึ่งเกิดขึ้นได้ง่ายในคนกรุ๊ปเลือดเอบี - ผลไม้ที่มีไวตามินC สูง เช่น ส้มโอ เชอร์รี่ สับปะรด จะช่วยต้านมะเร็งและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับหัวใจ
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
- เนื้อวัวเนื้อหมูและปลาแซลมอนรมควัน เพราะย่อยยากและเป็นพิษต่อระบบทางเดินอาหาร
- ถั่งแดง งา เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน ข้างโพด ชะลอการทำงานของอินซูลิน อาจทำให้น้ำตาลในเลือดลดลงอย่างเฉียบพลัน
- อาหารประเภทดองและอาหารสำเร็จรูป เช่นไส้กรอดและแฮม เพราะอาจทำให้เป็นมะเร็งในกระเพาะอาหาร


เทคนิคง่ายๆ ฝึกสมองให้ไบรต์

1) จิบน้ำบ่อยๆ เพราะสมองประกอบด้วยน้ำถึง 85 เปอร์เซ็นต์ เซลล์ สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าขาดน้ำเมื่อไหร่ ต้นไม้ก็จะเหี่ยวแห้ง ส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้า หรือคิดไม่ค่อยออก
2) หมั่นทานไขมันดีเป็นประจำทุกวัน เนื่องจากสมองเป็นก้อนไขมัน จำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ อาหารบำรุงสมอง มีอาทิ น้ำมันปลา, สารสกัดใบแปะก๊วย, ปลาที่มีไขมันดี เช่น ปลาแซลมอน, นมถั่วเหลือง, วิตามินรวม และน้ำมันพริมโรสช่วยให้เซลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซีเพิ่มความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
3) นั่งสมาธิวันละ 12 นาที หลัง จากตื่นนอนทุกเช้า เพื่อให้สมองได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ กระตุ้นให้เกิดจินตนาการเห็นภาพ และมีความคิดสร้างสรรค์
4) หัวเราะและยิ้มบ่อยๆ ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอนโดรฟิน หรือสารแห่งความสุขหลั่งออกมา ช่วยกระตุ้นให้หัวใจอบอุ่น เกิดความรักและความหวังดีต่อคนรอบข้าง
5) ใส่ความตั้งใจกับสิ่งที่จะทำอย่างเต็มที่ เหมือนเป็นการป้อนโปรแกรมสมองว่า นี่คือสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น ระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้นๆ ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่างๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน
6) เรียนรู้สิ่งใหม่ๆทุกวัน หมายถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น อ่านหนังสือเล่มใหม่, ทานอาหารร้านใหม่, รู้จักเพื่อนใหม่ และแลก เปลี่ยนวิธีการทำงานใหม่ๆกับเพื่อนร่วมงาน การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆทำ ให้สมองหลั่งสารเอนโดรฟินและโดปามีน เป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียน รู้และสร้าง สรรค์ไปเรื่อยๆ
7) ให้อภัยตัวเองทุกวัน ความโกรธทำให้เปลืองพลังงานสมอง อย่างน้อยๆถ้าให้อภัยผู้อื่นไม่ได้ ก็ลองลดภาระของสมอง ด้วยการให้อภัยตัวเอง
8) ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดีๆในชีวิต เพราะการเขียนเรื่องดีๆทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีดีๆออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย และมีความคิดสร้างสรรค์
9) ฝึกหายใจลึกๆ สมองใช้ออกซิเจน 20-25 เปอร์เซ็นต์ของออกซิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึกๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ ถ้านั่งทำงานนานๆ แนะนำให้เปลี่ยนบรรยากาศลุกขึ้นเดินยืดเส้นยืดสายบ้างให้ปอดขยาย